นายหยวน  หลงผิง บิดาแห่งข้าวไฮบริดจีน  นำทีมนักวิชาการจากศูนย์วิจัยและพัฒนาข้าวน้ำทะเล เมืองชิงต่าว ทดลองปลูกข้าวในพื้นที่ทะเลทรายของนครดูไบได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีผลผลิตสูงถึง 520 กิโลกรัมต่อ 0.416 ไร่ และตั้งเป้าหมายที่จะปลูกข้าวเพิ่มร้อยละ 10% ของพื้นที่ทั้งหมดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ภายในปี 2563 นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่สำหรับการปลูกข้าวน้ำทะเลในพื้นที่ทะเลทราย

โครงการ "Green Dubai" เป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์วิจัยและพัฒนาข้าวน้ำทะเลเมืองชิงต่าว และกองกิจการส่วนพระองค์ของชีกห์ ซาอีด บิน อาห์เหม็ด อัล มักตูม ผู้ปกครองนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์ส่งเสริมอุตสาหกรรมทางการเกษตร และแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 ทีมนักวิจัยได้เริ่มทดลองปลูกข้าวน้ำทะเลในพื้นที่ทะเลทราย โดยเลือกข้าวพันธุ์ผสมมากกว่า 80 ชนิด ทดลองปลูกในเขตชานเมืองของนครดูไบ  สหรัฐเอมิเรตส์ ซึ่งการปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าวมีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากประสบปัญหาในด้านต่าง ๆ จากสภาพภูมิศาสตร์ของพื้นที่ อาทิ ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืน ระดับความเค็มของน้ำใต้ดิน   การขาดแคลนน้ำจืด พายุทราย รวมถึงปัญหาโครงสร้างของดิน จากปัญหาดังกล่าว ทีมนักวิจัยจึงใช้เทคนิคการปรับปรุงเกลืออัลคาไลที่เรียกว่า "เทคนิคการปรับปรุงสี่มิติ" ซึ่งเป็นระบบการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่แตกต่างจากการปลูกข้าวโดยทั่วไป โดยสามารถช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำจืด ลดปัญหาการเกิดความเค็มซ้ำ ทำให้โครงสร้างของดินมีความสมดุล อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำและเพิ่มคุณภาพของปุ๋ย เทคนิคดังกล่าวจะช่วยเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นโอเอซิสเทียมได้

จากความสำเร็จนี้ ชีกห์ ซาอีด บิน อาห์เหม็ด อัล มักตูม ได้นำข้าวน้ำทะเลที่เก็บเกี่ยวแล้วมาบรรจุภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ALMARMOOM และจัดทำเป็น ”ของขวัญแห่งชาติ” เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้แก่แขกผู้มีเกียรติในอนาคต การดำเนินการดังกล่าว นับเป็นการร่วมกันส่งเสริมผลิตภัณฑ์ข้าวน้ำทะเลภายใต้แบรนด์  Yuan Mi ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ความสำเร็จและแสดงถึงมิตรภาพระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางเกษตรภายใต้กรอบความร่วมมือ “One belt and One road”

จัดทำโดย ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ เมืองชิงต่าว