รู้จักอุตสาหกรรมหนังลา ของดีมณฑลซานตง

รู้จักอุตสาหกรรมหนังลา ของดีมณฑลซานตง

วันที่นำเข้าข้อมูล 17 ต.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 516 view

อำเภอตงอา ในเมืองเหลียวเฉิง มณฑลซานตง ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนแห่งแรกในการพัฒนาอุตสาหกรรมฟาร์มเพาะพันธุ์ลาแคระของประเทศจีน โดยมีการก่อตั้งฟาร์มขนาดใหญ่กว่า 63 แห่ง และได้รับอนุมัติให้เป็นพื้นที่ที่มีสินค้าทางการเกษตรที่โดดเด่นแห่งแรกของจีน อีกทั้งเป็นเขตอุตสาหกรรมทางการเกษตรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในระดับมณฑล

ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หนังลา เป็นเครื่องบรรณาการแต่เดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณในราชวงศ์ฮั่น-ราชวงศ์ถังจนกระทั่งถึงราชวงศ์หมิง-ราชวงศ์ชิง หนังลามีส่วนประกอบที่เป็นเจลาตินสูง ซึ่งสามารถนำมาปรุงยาตามตำรับจีนที่ให้สรรพคุณสูงในการบำรุงเลือด ช่วยรักษาอาการเกี่ยวกับระดูผิดปกติ แก้อาการนอนไม่หลับ และรักษาโรคหลอดเลือดอุดตัน อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น "ยาแห่งชาติ"

จีนเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีการทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ซึ่งอุตสาหกรรมลาแคระเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของจีน และเป็นอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเฉพาะในท้องถิ่นที่มีความหมายทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม

โดยตั้งแต่ปี 2559 ประเทศจีนมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปศุสัตว์แห่งชาติ (2559-2563) และแผนคุ้มครองและอนุรักษ์การใช้ทรัพยากรพันธุกรรมปศุสัตว์และสัตว์ปีกแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งได้กำหนดให้ลาแคระเป็นทรัพยากรปศุสัตว์ที่โดดเด่นของจีน ในปี 2560 ประเทศมีนโยบายรวบรวมการปรับปรุงพันธุ์ลาที่ได้มาตรฐาน และในปี 2561 กระทรวงเกษตรและกิจการชนบทได้เปิดตัวโครงการปรับปรุงพันธุกรรมลาแห่งชาติ เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนปศุสัตว์ลดลง จึงส่งผลให้ราคาหนังลาสูงขึ้น และความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น

อำเภอตงอามีการก่อตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงและอนุรักษ์ลาระดับประเทศ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ลาแคระ ซึ่งเมืองเหลียวเฉิงวางเป้าหมายสร้างอุตสาหกรรมหนังลาขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์หนังลาให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น โดยได้มีการออกนโยบายส่งเสริมการเพาะเลี้ยงลาแคระภายในเมือง และมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และเน้นการใช้เทคโนโลยีชีวภาพด้านการผสมเทียม เพื่อเพิ่มปริมาณลาให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน มีการเลี้ยงลาแคระ 200 แห่ง โดยมีจำนวนกว่า 100,000 ตัว และจัดตั้งเป็นสวนอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมทั้งด้านการผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงปศุสัตว์ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ตลอดจน การท่องเที่ยว และร้านอาหาร ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ลาอย่างมาก เพื่อผลักดันเศรษฐกิจสู่อนาคตที่ดีขึ้น

นายหลี่ เต๋อ นักวิชาการจากสถาบันวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติ เผยว่า ภายใต้การขับเคลื่อนโดยบริษัทหนังลาชั้นนำในประเทศDong'e Ejiao ได้เปลี่ยนแปลงการเลี้ยงปศุสัตว์แบบดั้งเดิมของเกษตรกรเพื่อการดำรงชีวิตไปเป็นการเลี้ยง เพื่อผลิตซึ่งตอบสนองต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการพัฒนาของโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณและมูลค่าของปศุสัตว์ และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยบริษัท Dong-E E-Jiao เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบัน มีการจัดตั้งฐานสาธิตที่ได้รับมาตรฐานในการผลิตหนังลามากกว่า 20 แห่ง และมีการเลี้ยงลาแคระกว่า 5,000 ตัว

ผลิตภัณฑ์หนังลาของประเทศจีน มีผู้ผลิตหลัก 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท Dong'e Ejiao โดยเน้นเจาะตลาดลูกค้าระดับบน ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และบริษัท  Shandong Fujiao Group Co. , Ltd. เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางและล่าง โดยที่บริษัทฯ มีความสามารถในการผลิตหนังลาเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งทั้ง 2 บริษัท มียอดการผลิตรวมทั้งสิ้นเป็นครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมหนังลาทั้งหมด อุตสาหกรรมหนังลาในปัจจุบัน มีปริมาณการผลิตราว 5,000 – 6,000 ตัน สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านหยวน  และคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะสามารถผลิตหนังลาได้ราว 10,000 ตัน

มณฑลซานตงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมลาแคระ และได้ออกมาตรการเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมลาแคระ และเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมลาแคระในประเทศ นอกจากนี้ บทบาทและประโยชน์ของลาแคระได้เปลี่ยนแปลงตามเศรษฐกิจของโลกกลายเป็น “เศรษฐกิจที่มีชีวิต” ซึ่งมีการนำหนังลามาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น อาหารเพื่อบริโภค ยารักษาโรคและการดูแลสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวได้กลายเป็น อุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่น่าสนใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

ชาวจีนมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น การแสวงหาความต้องการด้านการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีมีคุณภาพเพิ่มสูงขึ้น ผลิตภัณฑ์หนังลาจึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง

 

*****************************

 

จัดทำโดย ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ เมืองชิงต่าว