จี่หนิง เตรียมแผนให้บริการรถไฟฟ้าท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมพาชมมรดกโลกบ้านขงจื้อ

จี่หนิง เตรียมแผนให้บริการรถไฟฟ้าท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมพาชมมรดกโลกบ้านขงจื้อ

วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ม.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 753 view

รัฐบาลจี่หนิงร่วมกับบริษัท BYD จำกัด ผลิตรถไฟฟ้าท่องเที่ยวสาย Kong Meng Tourism Express ที่เมืองจี่หนิง มณฑลซานตง ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า Skyrail ที่จะขับเคลื่อนผ่านเส้นทางสายวัฒนธรรม “ซานขง (三孔) ” ได้แก่ วัดขงจื้อ สุสานขงจื้อ และบ้านขงจื้อ ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในเมืองชูฟู่ มณฑลซานตง เพื่อระลึกถึงนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของจีน รวมถึง “เหลี่ยงเม่ง (两孟)” ได้แก่ วัดเม่งจื้อและบ้านเม่งจื้อ ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญไม่แพ้กัน ระยะทางเดินรถมีความยาวรวม 37.2 กิโลเมตร สถานีรวม 19 สถานี

รถไฟฟ้า Skyrail หรือ "รถไฟฟ้ากลางอากาศ" สาย Kong Meng Tourism Express เป็นทรัพย์สินทางปัญญาสายแรกของประเทศจีน รถไฟฟ้าสายนี้เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดียวแบบคร่อมบนคาน ตัวรถล็อคแน่นอยู่บนคานทำให้มีรัศมีวงเลี้ยวต่ำและวิ่งบนความชันได้ดี ตัวรถไฟมีโครงสร้างที่เพรียวบาง น้ำหนักเบา ทั้งยังลดเสียงรบกวนขณะขับเคลื่อน ขบวนรถไฟประกอบด้วย 4 ขบวน ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารจำนวน 125 คน สูงสุดถึง 180 คน เดินรถความเร็วสูงสุดถึง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2560 รัฐบาลเมืองจี่หนิงได้ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ผลิตรถไฟฟ้า Skyrail กับ บริษัท BYD จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Solar โครงการผลิตรถไฟฟ้า Skyrail แบบ Monorail สามารถนำมาใช้ในเมืองขนาดกลาง ซึ่งใช้งบลงทุนเพียง 20% และใช้ระยะเวลาก่อสร้างที่รวดเร็ว เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าทั่วไป

แผนการก่อสร้างรถไฟสายวัฒนธรรม เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2560 โดยเริ่มจากเส้นทางในเมืองโจวเฉิง (邹城) เป็นลำดับแรก ลำดับถัดไปจะก่อสร้างส่วนต่อขยายในเมืองชูฟู่ (曲阜) ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จในเดือน มี.ค. 2561 และเส้นทางทั้งหมดจะเปิดทดลองเดินเครื่องในช่วงเดือน ก.ย. 2561 หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว เส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่เชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งมวลชนระหว่างเมืองและภายในเมือง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งจะกลายเป็นเส้นทางรถไฟฟ้ารางเดี่ยวเขตเทศบาลเมืองสายแรกในฝั่งทิศเหนือของประเทศจีน      

 

***********************************************

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Qingdao Evening News