กงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว และคณะ ศึกษาดูงานศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ตามคำเชิญของเมืองเวยไห่ มณฑลซานตง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

กงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว และคณะ ศึกษาดูงานศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ตามคำเชิญของเมืองเวยไห่ มณฑลซานตง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

วันที่นำเข้าข้อมูล 3 ส.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 488 view

           เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 นางสาวนภัสพร ภัทรีชวาล กงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว และคณะได้รับการต้อนรับจากนายซ่าน ต๋าจื้อ รองอธิบดีสำนักงานการต่างประเทศเมืองเวยไห่ นำคณะเดินทางศึกษาดูงานบริษัทนำเข้าสินค้า Shandong Shindadong Inc. ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดค้าส่งสินค้าเกาหลีใต้ –  ญี่ปุ่น เมืองเวยไห่ โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศเกาหลีใต้ มาเลเซียและออสเตรเลีย รายใหญ่ของเมืองเวยไห่ ปัจจุบัน มีสินค้านำเข้าจากไทย ได้แก่ สบู่หอมรูปผลไม้ กาแฟกึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ด และหมอนยางพารา ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการไทยในการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าไทยและสร้างทางเลือกในการอุปโภคและบริโภคสินค้าให้กับชาวเมืองเวยไห่
           จากนั้น กงสุลใหญ่ฯ และคณะ ได้เยี่ยมชมห้องจัดแสดงแผนผังเขตเมืองใหม่ริมทะเลทางตะวันออกของเมืองเวยไห่ โดยเมื่อสร้างเสร็จเมืองใหม่แห่งนี้จะมีพื้นที่ 191 ตารางกิโลเมตร ห่างจากท่าเรือเวยไห่ 7 กิโลเมตร และห่างจากสนามบินเวยไห่เพียง 20 กิโลเมตร เมืองใหม่แห่งนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สุขภาพและการแพทย์ รวมทั้งยกระดับเมืองให้เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านเทคโนโลยี การพัฒนาความเชื่อมต่อทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งการพัฒนาเมืองใหม่จะนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายต่าง ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีน และเพิ่มความสะดวกสบายในการติดต่อและไปมาหาสู่ระหว่างประเทศ
            หลังจากนั้น กงสุลใหญ่ฯ และคณะ ได้เยี่ยมชมบริษัท PRINX CHENGSHAN (SHANDONG) TIRE ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์รายใหญ่ของเมืองเวยไห่ ในปี 2560 บริษัทฯ มีกำลังการผลิต 12 ล้านยูนิต และในปี 2561 คาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 13.5 ล้านยูนิต โดยยางรถยนต์ที่ผลิตถูกส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า 130 แห่ง โดยส่งออกยางรถยนต์มาประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รองลงมาได้แก่ประเทศมาเลเซีย สหรัฐอเมริกาฯ และปากีสถาน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนก่อตั้งฐานผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ในระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะก่อตั้งฐานผลิตที่ประเทศไทย ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ผลิตยางพาราและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่จะสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกันในอนาคต

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ