มองตลาดท่องเที่ยวไทยในซานตงจากงาน The 12th China · Shandong International Tourism Fair

มองตลาดท่องเที่ยวไทยในซานตงจากงาน The 12th China · Shandong International Tourism Fair

วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ก.ย. 2557

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 4,286 view

มองตลาดท่องเที่ยวไทยในซานตงจากงาน

 The 12th China · Shandong International Tourism Fair

   

     ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับงานแฟร์การท่องเที่ยวนานาชาติ มณฑลซานตง ที่จัดโดยสำนักงานการท่องเที่ยวนครจี่หนานร่วมกับภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ผลตอบรับการจัดงานเป็นที่น่าพอใจปริมาณผู้เข้าชมงานกว่า 2 หมื่นคน มูลค่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว 5.11ล้านหยวน

     งานนี้ได้จัดขึ้นวันที่ 22 – 24 กรกฎาคม 2557 ณ Jinan Shungeng International Convention and Exhibition Center ภายในงานแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ได้แก่ นิทรรศการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของต่างประเทศ (International Zone) เช่น ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา รัสเซีย กรีซ เป็นต้น นิทรรศการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวภายในประเทศของจีน (Local Zone) และการออกร้านของบริษัทนำเที่ยวและอุปกรณ์สำหรับการท่องเที่ยว อาทิเช่น รถบ้าน เต้นท์ อุปกรณ์ตกปลา อุปกรณ์เดินป่า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเวทีการแสดงกลางอีกด้วย

     

เกาหลีใต้ขนทัพจัดเต็ม

     บรรยากาศภายในงานคักคึกมีสีสันเป็นอย่างมาก บริษัททัวร์ที่มาออกงาน ต่างก็จัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จูงใจผู้เข้าชมงานที่เดินผ่านไปมาต้องเป็นอันหยุดชะงักแวะสอบถามพูดคุยเมื่อเห็นป้ายราคาที่ติดไว้ เมืองไทยก็เป็นชื่อหนึ่งที่ถูกเขียนขึ้นป้ายโปรโมชั่น เบียดเสียดสูสีกับเกาหลีใต้และใต้หวัน จะแพ้ก็ตรงที่การนำเสนอขายแพ็กเก็จทัวร์เมืองไทยยังผูกติดใช้คำว่า 东南亚 (ตงหนานย่า) แปลว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในความหมายของแพ็กเก็จทัวร์และความเข้าใจของคนที่ซื้อแพ็กเก็จทัวร์ หมายถึง สามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเราซึ่งเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวสุดคลาสสิคสำหรับนักท่องเที่ยวจีน นั้นก็คือ 新马泰 (ซินหม่าไท่) เป็นชื่อย่อประเทศของสามประเทศคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย สอดคล้องกับข้อมูลการพูดคุยกับผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่า คนซานตงยังนิยมเส้นทางการท่องเที่ยวที่ขายแพ็กเก็จรวมในลักษณะแบบนี้อยู่ แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังมีบางบริษัทัวร์ที่ขึ้นป้าย      泰国 (ประเทศไทย) แบบเดี่ยวๆ นอกจากนี้ยังพ่วงเอาชื่อ普吉(ภูเก็ต) ขึ้นป้ายคู่ไปด้วย ราคาแพ็กเก็จทัวร์ท่องเที่ยวเมืองไทย 5 คืน 6 วัน ประมาณราคาที่ 3,000-4,000 หยวน แพงกว่าราคาแพ็กเก็จทัวร์ไปเกาหลีใต้เกือบสองเท่า ซึ่งราคาแพ็กเก็จทัวร์ไปเกาหลีใต้ มีบริษัททัวร์จัดโปรโมชั่นราคาเริ่มต้นที่ 999 หยวน ด้วยความที่ที่ตั้งของมณฑลซานตงอยู่ใกล้เกาหลีใต้ การเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ และยังมีเส้นทางการเดินทางโดยเรือ ความสะดวกในการเดินทาง กอปรกับกระแสวัฒนธรรมเกาหลีใต้ที่มาแรงสอดแทรกไว้ในธุรกิจบันเทิงและอาหาร ยังคงเรียกแขกจีนให้ไปเยือนได้อย่างดี โดยในงานนี้ฝ่ายเกาหลีใต้เองก็จัดเต็มขนหน่วยงานห้างร้านมาออกบูธยึดพื้นที่กว่าครึ่งในโซนนานาชาติพร้อมกิจกรรมร้องเล่นเต้นรำสร้างสีสันเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานได้อย่างดีเลยทีเดียว  

     

 

กระแสไทยจะมาแรงเบียดแซงได้หรือไม่

     หากมองภาพรวมตลาดท่องเที่ยวไทย กลุ่มลูกค้าชาวจีนยังคงครองแชมป์และเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งจะถอนพิษจากวิฤติเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี กอปรกับความร่ำรวยมั่งคั่งของชาวจีน จากข้อมูลสำนักงานพาณิชย์เมืองชิงต่าวพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 เมืองชิงต่าวมีผู้ประกอบการธุรกิจเพิ่มขึ้น 54,660 ราย เรียกได้ว่ามีเถ้าแก่เกิดใหม่เฉลี่ยวันละ 600 กว่าคน และจากข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวเมืองไทยในปี 2556 ประมาณ 4.7 ล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไทยจะออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวผูกมิตรเอาใจจีน   แต่เมื่อดูตัวเลขแบบรายมณฑลแล้วกลับพบว่า นักท่องเที่ยวชาวซานตงที่เดินทางไปเที่ยวเมืองไทยมีเพียง 6 หมื่นกว่าคน คิดเป็นอัตราส่วนแค่ร้อยละ 1.42 ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวเมืองไทย มณฑลซานตงเป็นเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอันดับสามของจีน ทำไมไปเที่ยวไทยน้อยจัง? ....เป็นคำถามที่ต้องนำมาคิดต่อเป็นการบ้าน อาจด้วยระยะทางที่ตั้งที่อยู่ไกลกับประเทศไทย การรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยยังไม่มากพอ หรือด้วยความที่เป็นเมืองการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เศรษฐีชาวซานตงจำนวนมากนิยมท่องเที่ยวยุโรป มากกว่าไปไทย หรือความไม่สะดวกในการเดินทาง หรือสถานการณ์ทางการเมืองในเมืองไทย ปัจจัยสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องนำมาคิดประกอบเพื่อหาเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมณฑลซานตงเดินทางไปเที่ยวไทยมากขึ้น

     อย่างไรก็ดี ฤดูกาลท่องเที่ยวเมืองไทยที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่เดือนข้างหน้า นักท่องเที่ยวชาวซานตงอาจเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เนื่องจากประเทศไทยได้ประกาศไม่เก็บค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าบวกกับการเปิดสถานกงสุลไทย ณ เมืองชิงต่าว และผลจากการร่วมออกงานแฟร์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในครั้งนี้ของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ล้วนอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมณฑลซานตงเดินทางไปเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

     จากการเข้าร่วมสังเกตการณ์งานในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ เมืองชิงต่าว พบว่ามีผู้ชมงานเดินแวะเข้ามาสอบถามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ภาพยนต์เรื่อง Lost in Thailand ที่ถ่ายทำที่เมืองไทย ยังเป็นหัวข้อเปิดประเด็นสนทนาของผู้ชมงานที่แวะเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการไปเที่ยวเมืองไทย สรุปประเด็นคำถามที่พบบ่อย

-          ฤดุกาลที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวประเทศไทย

-          สถานที่ท่องเที่ยวที่นอกเหนือจาก กทม. ภูเก็ตและเชียงใหม่

-          ปัญหาเรื่องการสื่อสาร

-          วิธีการขอดำเนินการตรวจลงตราทั้งในประเทศจีนและ Visa On Arrival

-          ความปลอดภัยในการเดินทางและปัญหาทางการเมืองของประเทศไทย

-          การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง

-          ประมาณการราคาในการท่องเที่ยวประเทศไทย

     

     นอกจากนี้ยังมีบริษัทนำเที่ยวรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนำกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไปประเทศไทยว่า ในปัจจุบันการเดินทางจาก เมืองจี่หนาน ไปกลับ กทม. จะมีทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ โดยจะเป็นเครื่องบินเหมาลำของสายการบินซานตง นอกจากนี้ยังมีเครื่องบินเหมาลำของสายการบินโอเรียนท์ไทย (OX) และสายการบินอื่นๆ บ้างในบางช่วง โดยจุดมุ่งหมายปลายทางหลัก ได้แก่ กทม. ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ สายการบินซานตงจะเพิ่มให้มีเที่ยวบินไป กทม. ทุกวัน และจะเพิ่มเที่ยวบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ซึ่งราคาต้นทุนที่บริษัทนำเที่ยวตัดที่นั่งจากเที่ยวบินเหมาลำมีราคาเฉลี่ยประมาณ 2,000 - 3,000 หยวนต่อที่นั่ง แต่ที่สามารถขายทัวร์ในราคาถูกได้ เพราะได้กำไรจากการพานักท่องเที่ยวไปซื้อของและการชมการแสดงที่บริษัทนำเที่ยวได้ส่วนลดหรือได้ค่าหัวของนักท่องเที่ยว ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางซึ่งไม่รวมกับค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับบริษัทนำเที่ยวอยู่ที่ประมาณคนละ 3,000 - 4,000 หยวน บริษัทนำเที่ยวยังกล่าวอีกว่า ช่วงเวลาในการเดินทางที่ชาวจีนนิยมเดินทางมากที่สุดคือ ช่วงวันตรุษจีนและวันชาติ เพราะเป็นวันหยุดยาวและสามารถเดินทางได้ทั้งครอบครัว ส่วนช่วงที่คนเดินทางน้อยได้แก่ ช่วงปลายสิงหาคมและต้นกันยายน เพราะเป็นช่วงของการเปิดภาคเรียน

 

 

ผลัดกันรุกผลัดกันรับ

 

     งาน The 12th China · Shandong International Tourism Fair ในครั้งนี้ นอกจาก International Zoneที่ได้รับที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานแล้ว Local Zone ก็ได้รับความสนใจเรียกแขกได้ไม่แพ้กัน ภายในงานได้จัดแสดงสถานที่ท่องเที่ยวภายในมณฑล ขนของดีของดังแต่ละท้องถิ่นมาโชว์มาขาย โดยส่วนมากจะเน้นสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร นอกจากนี้ยังมีการนำสินค้าพื้นเมืองต่างๆ มาให้ชม ชิม ช๊อป อย่างจุใจเลยทีเดียว ในส่วนของนครจี่หนานเองได้เลือกนำเสนอแหล่งน้ำพุร้อนสร้างจุดขายส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำภายใต้แนวคิด Jinan The City Of Springs ,The Best Spring in the World พร้อมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของมณฑลซานตงภายใต้สโลแกน Friendly Shandong สร้างบรรยากาศส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวซานตงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เมืองชิงต่าว เมืองชายทะเลชื่อดังของเมืองจีนซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลนี้เป็นเมืองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว จะเห็นได้จากการได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดแข่งขันเรือใบในงานโอลิมปิกโลกปี 2008 และในปีนี้ (2014) ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพื้นสวนโลก และงานเทศกาลเบียร์นานาชาติ ซึ่งมีเบียร์ชิงต่าว เบียร์ยี่ห้อดังที่ติดหูคนไทยจำนวนไม่น้อยเป็นแม่งานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐจัดงานนี้ขึ้น ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกปี กอปรกับรัฐบาลเมืองชิงต่าวได้วางแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตชายฝั่งตะวันตกให้เป็นเมืองที่มีความทันสมัย ใช้วิถีชีวิตแบบใหม่ มีความเป็นนานาชาติ ออฟชั่นเพียบขนาดนี้ แถมด้วยบินชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเกาหลีใต้ บริษัททัวร์ไทยที่ทำตลาดท่องเที่ยวในจีน ไม่ควรพลาดที่จะศึกษาโอกาสเปิดตลาดการท่องเที่ยวเส้นทางใหม่

 

แหล่งที่มา                    http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/business-opportunity/detail.php?SECTION_ID=611&ID=14751 

แหล่งอ้างอิงข้อมูล        http://sd.people.com.cn

                                     สำนักงานการท่องเที่ยวประเทศไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้