หลินอี๋ มณฑลซานตง มุ่งพัฒนาศักยภาพด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอาเซียน ผ่านเครือข่ายการขนส่งครบวงจรทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ และทางทะเล

ปัจจุบัน หลินอี๋ถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของมณฑลซานตง และกำลังเดินหน้าสู่การเป็น “เมืองแห่งโลจิสติกส์ของจีน” ด้วยการขยายรูปแบบการขนส่งและการเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยวางแผนพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ดิจิทัลเต็มรูปแบบภายในปี 2570 เพื่อสนับสนุนระบบการส่งออกและนำเข้าสินค้าให้เป็นไปอย่างไร้รอยต่อ

ด้านการขนส่งทางบก เมืองหลินอี๋ใช้ระบบการขนส่ง TIR ซึ่งเป็นการขนส่งระหว่างประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในหลินอี๋ ให้บริการแบบ Door-to-door และ Point-to-point ผ่านพิธีศุลกากรแบบง่าย โดยไม่ต้องถ่ายสินค้าระหว่างทาง มี 5 เส้นทางเชื่อมต่อไปยังรัสเซีย เบลารุส เอเชียกลาง และ 2 เส้นทาง GMS ใหม่ไปยังอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีช่องทางขนส่งตรงไปยัง 9 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งรวมถึงรัสเซียและเอเชียกลาง

ด้านการขนส่งทางราง มีเส้นทางเชื่อมไปยัง 12 ประเทศในยุโรป ขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญของมณฑลซานตง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มูลค่าการขนส่งสินค้าสูงถึง 1,170 ล้านหยวนหยวน ขยายตัวร้อยละ 37.5 และเป็นตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านการขนส่งทางอากาศ หลินอี๋มีเส้นทางบิน 49 เส้นทาง ครอบคลุม 34 เมือง ในปี 2567 มีปริมาณการขนส่งสินค้าถึง 12,000 ตัน พร้อมมีแผนเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าในการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อรองรับผู้โดยสารมากถึง 12 ล้านคน/ปี ในอนาคต

ขณะที่ภาคการขนส่งทางทะเล หลินอี๋ร่วมมือกับท่าเรือชิงต่าวและท่าเรือรื่อจ้าว ให้บริการเส้นทางเรือกว่า 340 เส้นทางทั่วโลก โดยในปี 2567 มีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์รวม 198,000 TEUs ขยายตัวร้อยละ 19.23 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

BIC ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวเลขการเติบโตดังกล่าว สะท้อนบทบาทของหลินอี๋ในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมจีนกับยุโรปและอาเซียน โดยเฉพาะเส้นทางขนส่งสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงไทยด้วย

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว

ที่มา: http://shandong.chinadaily.com.cn/2025-10/10/c_1130360.htm