สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าวนำเสนอข้อมูลให้เอกชนไทยคว้าโอกาสทำเงินจากภาคเหนือของจีน

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าวนำเสนอข้อมูลให้เอกชนไทยคว้าโอกาสทำเงินจากภาคเหนือของจีน

วันที่นำเข้าข้อมูล 17 ต.ค. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 17 ต.ค. 2565

| 494 view

           เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว ได้ร่วมกับซานตงพอร์ตกรุป (Shandong Port Group - SPG) กลุ่มท่าเรือที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคเหนือของจีน มีธุรกิจครอบคลุมสายการเดินเรือ การบริการโลจิสติกส์ ธนาคารและ E-Commerce จัดการประชุมออนไลน์เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับเส้นทางเดินเรือใหม่ ระหว่างเมืองชิงต่าวถึงแหลมฉบัง และถึงท่าเรือกรุงเทพฯ ซึ่งเส้นทางใหม่ใช้เวลาเดินทางเพียง 7 วัน จากเดิม 14-21 วัน พร้อมทั้งให้ข้อมูลบริการการนำเข้าครบวงจร สามารถนำของขึ้นจากเรือได้ทันที รวมทั้งมาตรการตรวจปล่อยสินค้าเน่าเสียง่ายของศุลกากร ด่านหวงต่าว เมืองชิงต่าว ซึ่งเป็นแบบสุ่มตรวจ ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจของผู้ประกอบการไทย

           ปัจจุบัน ด่านศุลกากรหวงต่าว เมืองชิงต่าว เป็นด่านที่ผลไม้สดไทยเข้าได้กว่า 20 ชนิด อาทิ ทุเรียน มะพร้าว ลำไย ส้มโอ เป็นต้น โดยทางการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้า 24 ชั่วโมง 7 วัน บริการโลจิสติกส์ในพื้นที่ รวมถึง cold chain ครอบคลุมมณฑลซานตง ซึ่งมีประชากรกว่า 100 ล้านคน มี GDP สูงเป็นอันดับ 3 ของจีน โดยระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่จะครอบคลุมมณฑลอื่น ๆ ในภาคเหนือของจีนด้วย ในพื้นที่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 400 ล้านคน

           สถานกงสุลใหญ่ฯ และซานตงพอร์ตกรุปได้เชิญผู้แทนบริษัทตลาดตงฟางติ่งซิ่น ซึ่งมีเครือข่ายจำหน่ายผลไม้สดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของจีน ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในมณฑลซานตงและมณฑลใกล้เคียง รวมกว่า 200 ล้านคน โดยปัจจุบัน บริษัทฯ นำเข้าทุเรียนจากไทยประมาณปีละ 100,000 ตัน จากที่จีนนำเข้าจากไทยประมาณปีละ 660,000 ตัน บริษัทฯ ยังนำเข้าสินค้าอื่น เช่น มะพร้าว ลำไย และมังคุดจากไทยด้วย บริษัทฯ คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จีนจะนำเข้าทุเรียนจากไทยปีละประมาณ 1,000,000 ตัน ปัจจุบัน ชาวจีนบริโภคทุเรียนคนละประมาณเกือบครึ่งกิโลกรัม ต่อคน ต่อปี ในปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.7 กิโลกรัม ต่อคน ต่อปี

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

ข่าวใกล้เคียง

ข่าวใกล้เคียง