ในปี 2566 การเกษตรแบบควบคุมสิ่งแวดล้อมของเมืองชิงต่าวได้ผลิตผลไม้และผักรวม 1.989 ล้านตัน ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ 1.112 ล้านตัน และผลิตภัณฑ์จากประมง 0.653 ล้านตันให้กับประเทศจีน ส่งผลให้เมืองชิงต่าวติดอันดับหนึ่งแหล่งวัตถุดิบป้อนตลาดของเมืองขนาดกลางและขนาดใหญ่ 36 เมืองทั่วประเทศจีน

เมืองชิงต่าวได้ก้าวขึ้นเป็นเขตนำร่องนวัตกรรมการเกษตรแบบควบคุมสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ จากการพัฒนาตามเป้าหมาย “สามเกษตร (การปลูกพืช การเลี้ยงปศุสัตว์ การประมง) สี่ใหม่ (วัสดุใหม่ อุปกรณ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ รูปแบบใหม่) และห้าแบบ (แบบรวมกลุ่ม แบบมาตรฐาน แบบเครื่องจักร แบบการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แบบดิจิทัล)” ในขณะเดียวกัน ชิงต่าวได้พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรที่มีมูลค่าสูง โดยสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมมูลค่า 100,000 ล้านหยวนจำนวน 2 ห่วงโซ่เพื่อรองรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ ห่วงโซ่อุตสาหกรรมมูลค่า 10,000 ล้านหยวนจำนวน 8 ห่วงโซ่ ในด้านการผลิตเนื้อไก่และสัตว์น้ำ และห่วงโซ่อุตสาหกรรมมูลค่า 1,000 ล้านหยวนจำนวน 15 ห่วงโซ่ สำหรับบลูเบอร์รี่และองุ่น นอกจากนี้ เมืองชิงต่าวได้คัดเลือกบริษัทชั้นนำด้านการเกษตรแบบควบคุมสิ่งแวดล้อมจำนวน 19 แห่ง และบริษัท “ผู้นำห่วงโซ่” อีก 12 แห่ง เพื่อเข้ารับการส่งเสริมและพัฒนา

นวัตกรรมการเกษตรแบบควบคุมสิ่งแวดล้อมที่นำสมัย เช่น บริษัท ชิงต่าว เถียนรุ่ย เทคโนโลยี (Qingdao Tianrui Technology Group Co., Ltd.) ได้พัฒนาเล้าไก่อัตโนมัติ 12 ชั้นแห่งแรกของประเทศที่เลี้ยงไก่ได้ 150,000 ตัวโดยใช้แรงงานเพียง 1 คน ส่วน บริษัท มู่หยวน ฟู้ดส์ (Muyuan Foods Co., Ltd.) ได้สร้างตึกเลี้ยงหมูอัจฉริยะ 6 ชั้นสูง 30 เมตร ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่เลี้ยงหมูกว่า 125 ไร่ และสามารถผลิตหมูได้ 100,000 ตัวต่อปี ปริมาณการเลี้ยงต่อหน่วยพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าของรูปแบบดั้งเดิม บริษัท ชิงต่าว ชีฉ่าย ซีดส์ เทคโนโลยี (Qingdao Qicai Seed Technology Co., Ltd.) ได้ปรับปรุงพื้นที่เหมืองร้าง 62.5 ไร่โดยใช้วิธี “บูรณาการประมงและเหมือง” ซึ่งสามารถผลิตลูกปลาคุณภาพสูงได้ 50 ล้านตัวและปลาเชิงพาณิชย์ 500 ตันต่อปี สร้างมูลค่าการผลิต 250 ล้านหยวน และบริษัท ข่ายเซิ่ง เห้าเฟิง เกษตรกรรม (Kaisheng Haofeng Agricultural Group Co., Ltd.) ได้สร้างเรือนกระจกอัจฉริยะด้วยการใช้นวัตกรรมกระจกใสพิเศษลดการสะท้อนที่มีอัตราการส่งผ่านแสงสูงถึง 91.5% ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บเกี่ยวมะเขือเทศได้ต่อเนื่องถึง 9 เดือน

เกษตรกรรมในโรงเรือนที่ทันสมัยเหล่านี้ได้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เอาชนะข้อจำกัดด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และขยายขอบเขตการผลิตทางการเกษตร โครงการเหล่านี้กลายเป็น แหล่งรายได้หลักและเพิ่มการจ้างงานของเกษตรกร ทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนในการดึงดูดการลงทุนในภาคการเกษตร

ก้าวต่อไป เมืองชิงต่าวจะใช้โอกาสจากการได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเขตนำร่องนวัตกรรมเกษตรกรรมในโรงเรือนนำสมัยกลุ่มแรกของประเทศ โดยจะวางแผนพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เสริมสร้างปัจจัยสนับสนุนในด้านเงินทุน ที่ดิน ทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยี เพิ่มความแข็งแกร่งในการจัดการองค์กร เพิ่มแรงสนับสนุนและควบคุมคุณภาพและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  เพื่อบุกเบิกเส้นทางการพัฒนาเกษตรกรรมในโรงเรือนนำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพสูง และมีประสิทธิภาพ “แบบชิงต่าว”

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว

ที่มา: http://sd.news.cn/20241118/3a6a543a6cb54b0daa47c424395047c2/c.html

รูปภาพ: https://www.sohu.com/a/539373571_120233284